ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Monday, May 23, 2016

สองปีที่เกินกว่า "เสียของ” โดย วัฒนา เมืองสุข

สองปีที่เกินกว่า "เสียของ"

ผมเห็นภาพคนไทยจำนวนหนึ่งไปรวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในโอกาสครบรอบสองปีของการยึดอำนาจทำให้ผมมีความหวัง เพราะผมเชื่อมาตลอดว่าเมื่อประชาชนไม่กลัวไม่เคยมีใครชนะประชาชน ผมจำได้ว่าเมื่อสองปีที่แล้ว มีบุคคลคณะหนึ่งเรียกตัวเองว่า คสช. อ้างสถานการณ์ความไม่สงบที่ก่อขึ้นโดยคนที่พวกเค้าคุ้นเคยเข้ายึดอำนาจการปกครอง ส่วนวัตถุประสงค์เป็นไปตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 1/2557 ที่ผมโพสต์มาให้ดูเพื่อกันลืม
สองปีที่ผ่านมาได้เกิดความเสียหายกับประเทศแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจที่ล้มเหลว เช่น ส่งออกติดลบ การบริโภคภายในตก ไม่มีการลงทุนใหม่ สุดท้ายต้องกระตุ้นด้วยการใช้จ่ายภาครัฐก็โกงกันเองได้แก่ โครงการแก้ภัยแล้งที่เอางานให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ไปขายต่อ เป็นต้น สังคมแตกแยกมากขึ้นเพราะการเลือกปฏิบัติ ส่วนการแก้ปัญหาความสงบที่บังคับไม่ให้คนพูดหรือแสดงความเห็นต่างไม่ยั่งยืนและไม่สงบจริง ที่แย่ไปกว่านั้นคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนจนทำให้ประเทศไทยถูกประณามในที่ประชุม UPR ของสหประชาชาติ ยังไม่นับรวมการบริหารที่ขาดวิสัยทัศน์ ตัดเบี้ยคนชรา ยกเลิกการเรียนฟรีของเด็ก ม.ปลายโดยอ้างว่าไม่มีงบประมาณแต่กลับมีเงินไปซื้ออาวุธให้กองทัพ
ยึดอำนาจได้ไม่ถึงสองเดือน คนพวกนี้ก็เริ่มหากินกับงบประมาณของรัฐ เอกสารที่ผมโพสต์มาให้ดูระบุชัดเจนว่า คสช. เป็นผู้ให้ความเห็นชอบให้ อผศ. ได้รับงานขุดลอกคูคลอง แหล่งน้ำจากหน่วยงานของรัฐโดยไม่ต้องประกวดราคาโดยรู้อยู่แต่แรกแล้วว่า อผศ. ไม่มีความพร้อม ดังนั้น คสช. และ อผศ. คือตัวการร่วมกันในความผิดฐานหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคา ผลของการทุจริตทำให้ อผศ. ได้งานจากรัฐโดยไม่ต้องประกวดราคาถึง 1,120 สัญญา คิดเป็นมูลค่า 6,537,189,001 บาท จากนั้นก็เอางานไปขายต่อเพื่อชักหัวคิวแบ่งกัน ทำให้รัฐได้รับความเสียหายจากการจ้างที่แพงขึ้นเพราะไม่มีการแข่งขันราคา รวมทั้งผู้รับจ้างช่วงทิ้งงานเพราะถูกชักหัวคิวจนทำงานไม่ได้ ส่วนประชาชนที่ตรวจสอบถูกข่มขู่และเรียกปรับทัศนคติ ทั้งที่ความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐอยู่ในลำดับที่ 22 ของบัญชีท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ซึ่งถือว่าบุคคลที่มีพฤติกรรมกระทำความผิดเป็นมาเฟียหรือเป็นผู้มีอิทธิพลที่ต้องจัดการด้วยอำนาจพิเศษ แต่อำนาจที่ว่านี้มีไว้ใช้จัดการกับฝ่ายตรงข้ามที่ไม่มีทางสู้ เช่นนายเนติวิทย์เด็กนักเรียนที่ถูกทหารบุกบ้านเพราะเป็นผู้มีอิทธิพล หรือสตรีเช่นแม่จ่านิวและพระที่อยู่ตรงข้ามกับพวกตน ส่วนตัวเองกับพวกที่ทุจริตหรือพระที่สนับสนุนการปฏิวัติขนาดบุกไปปิดสถานทูตอเมริกากลับไม่เคยถูกดำเนินการ
คสช. เรียกร้องให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่กับตัวเองและพวกกลับอาศัยมาตรา 279 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่อ้างว่าปราบโกงที่ผมโพสต์มาให้ดูหลบหนีการตรวจสอบ มาตราดังกล่าวบัญญัติให้การกระทำทุกอย่างของ คสช. ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทำให้ไม่อาจเอาผิดกับ คสช. แม้มีการทุจริต คงหายสงสัยนะครับว่าทำไม คสช. จึงกล้าใช้อำนาจตามอำเภอใจและไม่สนใจที่จะตรวจสอบการทุจริต สู้เอาเวลาไปซื้ออาวุธและจัดการกับคนที่ค้านหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดีกว่า พี่น้องประชาชนคิดอย่างไรอย่าลืมออกมาบอกในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นะครับ
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
23 พฤษภาคม 2559

No comments:

Post a Comment