ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Thursday, May 19, 2016

รำลึก พฤษภา 2553 (จากทางบ้าน)

ความทรงจำโดยตรงของผมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 ความคับแค้นอันยากที่จะลืมมันไป...

----------------

เดือนนี้ประมาณกลางๆเดือนย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 ใครๆก็รู้ว่าเวลานี้เมื่อ 6 ปีก่อน ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร รัฐบาลกำลังใช้กองทัพพร้อมอาวุธสงครามครบมือ ออกมา "กวาดล้างเสื้อแดงในนามกระชับพื้นที่"

รัฐบาลอภิสิทธิ์ตัดสินใจใช้กำลังติดอาวุธเข้าสลายประชาชน ณ ที่แห่งนั้น...

เวลานั้น ผมกำลังเรียน ป โท มหาวิทยาลัยใกล้ๆกับราชประสงค์ และทำงานเป็น NGO ด้านสิทธิมนุษยชนในองค์กรหนึ่งชื่อว่าคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) เป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเล็กๆองค์กรหนึ่ง

ด้วยความที่กำลังเรียนและกำลังทำงานทางด้านนี้ ประกอบกับความกระตือรือร้นทางการเมืองของตัวเอง จึงได้แวะเวียนไปยังที่ชุมนุมของเสื้อแดงที่ราชประสงค์เกือบทุกวัน ไปถ่ายรูป ไปคุยกับคนที่มาชุมนุม หาซื้ออะไรกิน ฯลฯ

ก่อนหน้ารัฐบาลใช้กำลังเข้าสลายชุมนุม มันมีการปะทะประปรายกันตามแนวรั้วที่ชุมนุม ผมอยู่ในเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์โดยเฉพาะการปะทะบนถนนสีลม ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลขว้างปาสิ่งของ ยิงประทัด ยิงหนังกะติ้กใส่กับการ์ดเสื้อแดงเป็นชั่วโมงๆก่อน ตร.ชุดสลายชุมนุมมาถึง (ผมจำวันที่แน่นอนไม่ได้)

หลังจากรัฐบาลประกาศกระชับพื้นที่ บรรยากาศในที่ชุมนุมมีความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด มีการเพิ่มกำลังการ์ดอีกหลายเท่าตัวทั้งการ์ดจัดตั้งและการ์ดอาสา

ผมยังเดินทางเข้าๆออกๆในที่ชุมนุมได้ตลอด

จนถึง "วันจริง"

------------

ในวันที่เสธแดงถูกยิง วันนั้นผมเดินอยู่ใกล้ๆกลุ่มนักข่าวที่มาทำข่าวเสธแดง ผมอัดวิดีโอและถ่ายรูปตามปกติ ทันใดนั้นเกิดการชุมลมุนวุ่นวายในกลุ่มนักข่าว ผมรีบวิ่งไปดู เห็นกับตาว่ามีเลือดไหลออกจากศรีษะของนายทหารคนนั้นเป็นลิ่มๆ ทุกคนช่วยกันประคอง ต่อมาไม่นานนักรถฉุกเฉินวิ่งเข้ามารับร่างนายทหารคนนั้นออกไป

คืนวันที่เสธแดงถูกยิง รั้วรอบที่ชุมนุมปิดไฟลงหมดทุกด้าน ผมได้ยินเสียงปืนยิงประทะกันแทบตลอดทั้งคืน

คืนนั้นผมออกไปไหนไม่ได้เพราะปิดทางเข้าออกอย่างสิ้นเชิง ผมจึงได้แต่เดินไปสำรวจรอบๆสถานที่เกิดเหตุ และเห็นว่าการ์ดเสื้อแดงถือ มีด ไม้ หนังสะติ้ก เดินไปมาเหมือนมีอะไรซักอย่างไม่ชอบมาพากล

ผมเข้าใจว่ามีการประทะกันระหว่างการ์ดเสื้อแดงและบุคคลลึกลับภายนอก เพราะมีรการยิงประทะกันตลอดทั้งคืน

ในช่วงที่พีคที่สุดของการประทะ ผมดันเอาตัวเองไปยืนแถวแนวยิงอย่างไม่ตั้งใจ ด้วยความมืดและความโกลาหน มีจังหวะยิงประทะกัน มีลูกกระสุนจากข้างนอกถูกยิงเข้ามา ทะลุระหว่างขาของผมอย่างฉิวเฉียด ลูกกระสุนกระแทกลงไปกับพื้นข้างเท้าขวา มีการ์ดคนหนึ่งวิ่งมาคว้าตัวของผมออกไปจากจุดนั้น

"คุณๆๆๆๆ ออกมาก่อน ไปเดินอะไรแถวนั้น เดี๋ยวตาย มีคนถูกยิงแล้วสามสี่คนตรงนั้น"

นั่นเป็นวันที่ผมจดจำมาตลอดจนถึงวันนี้

-------------

หลังจากวันเสธแดงถูกยิง บรรยากาศที่ชุมนุมทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างหนัก ทางเข้าออกหลักๆทั้งหมดถูกปิดตาย คนนอกออกไม่ได้ คนในห้ามเข้า

ผมยังไปๆมาๆระหว่างที่ทำงานกับม๊อบอยู่ตลอด แต่เข้าออกทางอื่นๆที่ไม่ใช่ทางเข้าปกติ

ผมรู้สึกว่าป้อมปราการแห่งนี้ไม่มั่นคงเอามากๆ อีกอย่าง มีเพื่อนของผมคนหนึ่งโทรเข้ามา บอกว่ามึงออกจากตรงนั้นได้แล้ว ทหารมันเอาจริง มึงออกมาก่อน

ผมตัดสินใจออกจากที่ชุมนุม และไม่กลับเข้าไปอีก ทั้งเพื่อนและพี่ขอเอาไว้ว่าให้ใจเย็นๆก่อน

เมื่อผมออกมาจากราชประสงค์ได้เพียงวันเดียว ยุทธการปิดเมืองยิงเสื้อแดงได้โหมโรงอย่างคึกคะนอง ฐานที่มั่นเสื้อแดงหลายจุดถูกทหารสลายลง มีศพนอนตายจุดนั้นจุดนี้ให้เห็น มีควันไฟจากยางรถยนต์ มีเสียงปืนดังขึ้นกึกก้องกลางเมืองเป็นระยะ

พวกเขายิงประชาชน

พวกเขายิงประชาชน

พวกเขายิงประชาชน

ผมกล่าวกับตัวเองซ้ำๆๆๆ น้ำตาไหลลงอาบแก้มอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ อ่านข่าว ดูรายงานสดด้วยความคับแค้นจิตใจอย่างมหาศาล

ไม่นึกว่าคนอายุ 26-27 อย่างผมต้องมาพบเจอประสบการณ์ทางการเมืองอันเลวร้ายขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต และผมมีส่วนร่วมกับมันโดยตรง

ผมจึงลืมมันไม่ได้ และจดจำจิตใจคับแค้นของตัวเองได้ดีจนถึงวันนี้

No comments:

Post a Comment