ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Tuesday, September 13, 2016

แค้นสี่อย่าง ของสนธิ ลิ้มฯ ต่อ ดร. ทักษิณ

แค้นของสนธิ  ลิ้มทองกุล ที่มีต่อทักษิณ  ชินวัตร
 
ช่วงปี 2532-2533
ทักษิณลาออกจากตำรวจแล้ว  เพื่อมาทำธุรกิจสื่อสารอย่างเต็มที่
 
ช่วงนั้น  สนธิก็ยังอู้ฟู่   เทคโอเวอร์ IEC  จากปูนไทยมาปั้นแต่งเข้าตลาดหุ้น
ว่ากันว่า  ราคาหุ้นที่เสนอซื้อขายกันตอนนั้นของ IEC  อยู่ที่ 250 บาท
 
เป็นช่วงจังหวะการสื่อสารกำลังติดลมบน  
IEC  ของสนธิผูกขาดขายมือถือโนเกียเซลลูลาร์ 900    รวยหนัก
 
ทักษิณก็กำลังเข็นเรื่องสัมปทานดาวเทียม
 
สนธิเลยชวนทักษิณมาร่วมทุนด้วย  แบบเป็นพาร์ทเนอร์กัน  
อาจเพราะมีแผนหวังโดดเข้าร่วมเรื่องดาวเทียมด้วย
ขายหุ้น IEC  ให้ทักษิณในราคาพาร์ 10 บาท
 
ทักษิณร่วมกับสนธิอยู่ไม่นานนัก  ก็เทขายหุ้น IEC  หมด
กำไรไปสี่ร้อยกว่าล้าน   แล้วหันไปลงทุนเรื่องดาวเทียม   ไม่สนใจสนธิ
(สนธิก็หันไปลงทุนเรื่องดาวเทียมในลาว   เจ๊งไม่เป็นท่า หนีหนี้
จนไม่กล้าไปเหยียบเมืองลาวจนถึงทุกวันนี้)
 
นี่แค้นที่ 1
 
 
 
แค้นที่ 2    
ช่วงรัฐบาลชวน 1  2535-2538     รัฐบาลชวน 2   2540-2544
 
ช่วงนี้  นอกจากปลอมเอกสารกู้เงินเข้ากระเป๋า 1,078 ล้านบาท (จนทำให้ติดคุก)
สนธิยังได้รับความสะดวกจากกรุงไทย  กู้เท่าไรก็ได้  ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
 
ผลก็คือ  สนธิกู้ไปสองพันกว่าล้าน   ไม่ใช้คืนสักบาท
 
ช่วงทักษิณเข้ามา  2544-2547  
กรุงไทยก็ได้เอ็มดีคนใหม่  นั่นคือนายวิโรจน์  นวลแข
วิโรจน์  นวลแข   สนิทสนมกับสนธิมาก   เรียกได้ว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
 
ตอนนั้น   ในฐานะเอ็มดีกรุงไทย  
วิโรจน์ได้ทำการ hair cut  หนี้ของสนธิชนิดสุดแสนประทับใจ
จากหนี้สองพันกว่าล้าน   ลดให้เหลือพันกว่าล้าน    
และจากพันกว่าล้าน  ลดให้เหลือเพียง 259 ล้าน
 
259 ล้านนี่  สนธิไม่ต้องจ่ายด้วย    
กรุงไทยจะลงโฆษณากับเครือผู้จัดการแล้วให้สนธิค่อย ๆ หักหนี้ไป
 
เรียกว่า   สนธิได้เงินใช้ฟรี ๆ สองพันกว่าล้าน  ไม่ต้องใช้คืนสักบาท
แค่ลงโฆษณาให้แล้วหนี้จะหมดเอง
 
ปลายปี 2547   วิโรจน์หมดวาระการเป็นเอ็มดี    ก็สมัครต่อ
แต่ผู้ว่าแบงค์ชาติในตอนนั้น  คือหม่อมอุ๋ย  ไม่เอา  ไม่อนุมัติให้อยู่ต่อ
ด้วยเหตุผลว่านายวิโรจน์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องในหลาย ๆ ด้าน
(จนเกิดคดีความ  วิโรจน์ฟ้องหม่อมอุ๋ยในเรื่องไม่ยอมแต่งตั้งเป็นเอ็มดีกรุงไทย
 และทำให้สนธิแค้นหม่อมอุ๋ย  มีโอกาสเป็นด่า  จนถูกหม่อมอุ๋ยฟ้องหมิ่น)
 
สนธิจึงส่งคำขอไปยังทักษิณ   ให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแทรกแซงแบงค์ชาติ
ผลักดันให้วิโรจน์ได้เป็นเอ็มดีอีกหนึ่งวาระ (วาระ 3 ปี)
 
แต่ทักษิณเซย์โน  เพราะไม่สามารถตอบสนองได้
 
ทำให้สนธิแค้นมาก  เพราะเท่ากับตัดทางหารับประทานจากกรุงไทย
 
ก็คนมันเคยได้ไงครับ
ก็เคยได้ไปสองพันกว่าล้านฟรี ๆ    แถมที่ปลอมเอกสารกู้อีกพันกว่าล้าน
 
 
 
 
นอกจากเรื่องเอ็มดีกรุงไทยแล้ว
ปี 2547  นั้น   สนธิยังหวังทำฟรีทีวี  
(เรื่องนี้  นายวุษณุ  เครืองาม  รองนายกฯขณะนั้นรู้ดีที่สุด)
 
สนธิซื้ออุปกรณ์มาเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย   ลงทุนไปหลายล้านบาท
หวังได้ทำฟรีทีวี มีโอกาสล้างหนี้ และร่ำรวยอีกครั้ง
หลังจากล้มละลายมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2542
 
ฟรีทีวีที่ว่าก็คือ  ช่อง 11    
โดยสนธิจะขอแบ่งคลื่นจากช่อง 11  มาทำฟรีทีวีในนามช่อง 11/1
 
สนธิก็ส่งคำขอไปถึงทักษิณอีกครั้ง
ทักษิณให้นายวิษณุดูในข้อกฏหมายว่าทำได้ไหม  
 
นายวิษณุบอกว่า  ทำไม่ได้  ขัดกฎหมาย
ทักษิณจึงต้องปฏิเสธสนธิในเรื่องช่อง 11/1  ไป  
ทำให้สนธฺิโกรธทักษิณชนิดเอ่ยปากว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้
 
การไม่ได้ทำฟรีทีวี   ทำให้โอกาสในการพลิกฟื้นของสนธิหมดไปอย่างสิ้นเชิง
ไหนจะหนี้สินท่วมหัว  ไหนจะค่าใช้จ่ายในเครือผู้จัดการ  ไหนจะค่าเช่าดาวเทียมเอเอสทีวี
 
เมื่อไม่ได้  สนธิก็เริ่มหันมาด่าทักษิณ
 
นี่คือแค้นที่ 3
 
 
 
แค้นที่ 4
เมื่อก่อม็อบ  โค่นล้มทักษิณไปได้  สนธิก็หวังได้รางวัลตอบแทน
แต่ผลก็คือ  สนธิไม่ได้อะไร   นอกจากลูกปืน
 
สนธิโดนยิงในปี 2552  
โดนอัยการฟ้องในปี 2552 (จนติดคุกในตอนนี้)
สนธิล้มละลายอีกครั้งในปี 2553  
ทุกเรื่อง  ทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ด้วยเลย
 
สนธิแค้นมาก   แต่ทำอะไม่ได้   เพราะสนธิตอนนั้น  หมดสภาพแล้ว  
ม็อบพันธมิตรก็เหลือแค่หลักห้าร้อยเพราะ ปชป.ไม่แอบหนุนแล้ว
 
สนธิจึงหันมาลงกับทักษิณแทน  ด่าทักษิณไม่เลิก  
สร้างนิยายว่าตัวเองโดนทักษิณกลั่นแกล้งจนต้องล้มละลาย
 
รู้  ว่าตัวเองโดนหลอกใช้  หวังได้สิ่งตอบแทน  แต่ไม่ได้อะไร
จะโวยใครก็ไม่ได้  เพราะจะกลายเป็นการประจานความโง่ตัวเอง  
เลยหันมาโทษทักษิณเพื่อกลบเกลื่อนความโง่ของตัวเอง
 
 
 
สนธินั้นรู้  ว่าทักษิณได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก
การจะเล่นงานทักษิณได้  สนธิต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อใส่ร้าย
 
เครื่องมือที่สนธิใช้ก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์
เพราะสนธิรู้ว่าคนไทย สังคมไทยเทิดทูนสถาบัน
 
ขณะที่สนธิใส่ร้ายทักษิณบนเวทีปราศรัย  
อีกด้านก็ให้นายปราโมทย์  นาครทรรพ  เขียนบทความในผู้จัดการ
สร้างเรื่อง "ปฏิญญาฟินเลนด์" ขึ้นมา ว่าทักษิณมีแผนล้มสถาบัน
แล้วนำบทความนั้นมาขยายต่อผ่านทางเอเอสทีวี
 
ได้ผลครับ   คนไทยจำนวนมากหลงเชื่อสนธิว่าทักษิณจะล้มเจ้า
 
สนธิรู้ว่าชนชั้นกลางในสังคมไทยนั้น  มีความริษยาคนชั้นกลางด้วยกันที่รวยกว่า
(หากชนชั้นสูงรวย ชนชั้นกลางจะเชิดชู  หากชนชั้นรากหญ้ารวย ชนชั้นกลางก็จะดูถูก)
 
จึงใช้วิธีกล่าวหาใส่ร้ายว่าทักษิณรวยเพราะโกง   โกงทั้งโคตร
เป็นที่ถูกอกถูกใจโดนจริตกระแดะของชนชั้นกลางอย่างมาก
แห่กันออกมาร่วมม็อบ  บริจาคเงินสนับสนุนสนธิกันมากมาย  
(คนอื่นโกง ไม่เป็นไร  เพราะไม่ริษยาเหมือนริษยาทักษิณที่รวยเป็นแสนล้าน)
 
 
 
โดนสนธิหลอกทั้งหมด  ถึงวันนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว  
สนธิติดคุก ยังเชิดชูสนธิว่ากล้าหาญ  ยอมรับคำพิพากษา
 
 
 
ทั้งหมดทั้งมวล   ไม่ใช่เรื่องชาติเรื่องสถาบันอะไรเลย
แต่คือความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ
 
การกระทำของสนธิ
ทำให้คนไทยเข้าใจผิดสถาบัน ทำให้คนไทยแตกแยก
 
โกง กู้ ไม่ใช้หนี้
สร้างเรื่องปลุกปั่นให้คนไทยเกลียดชังกัน
 
สมควรแล้วที่ต้องติดคุก
สมน้ำหน้า

No comments:

Post a Comment