ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Friday, September 9, 2016

อย่าขายชาติด้วยการให้เช่าที่ดิน 99 ปี

อย่าขายชาติด้วยการให้เช่าที่ดิน 99 ปี
 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้เคยเขียนประกาศไว้ดังนี้:
 ตามข่าวในกรุงเทพธุรกิจเช้าวันนี้ (9 กันยายน 2559) และก่อนหน้านี้ 12 มกราคม 2559 ว่า "'สมคิด' สั่งธนารักษ์เร่งสรุปแก้กม.เช่าที่ 99 ปี" (http://bit.ly/1P5tx1p)  ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เห็นว่าแนวคิดของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นเท็จ และอาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่ารัฐบาลเพียงหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นผลงานของรัฐบาล ก็พร้อมจะ "ขายชาติ" เสียแล้ว
ความเท็จข้อที่ 1: อ้างการลงทุนต่างชาติ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "เนื่องจากระยะเวลาการเช่า 50 ปี ยังเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไม่จูงใจการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีระยะเวลาการคืนทุนที่ยาวนาน ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศไม่กล้าตัดสินใจลงทุน"
 ดร.โสภณ เห็นว่า
 1. ที่ผ่านมาในการลงทุนสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นโฮปเวลล์ ทางด่วนขั้นที่ 2 (กูมาไกกูมิ) หรือดอนเมืองโทลเวย์ ก็ล้วนใช้เงื่อนไข 30 ปีทั้งสิ้น  ต่างชาติก็ยินดีมาลงทุน
 2. ในการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ต่างชาติก็สามารถซื้อดินในนิคมอุตสาหกรรมไทยได้อยู่แล้ว และมีกำไรได้ในเวลาไม่กี่ปี  โครงการใดที่รอกำไรถึง 30 ปีก็คงไม่รอดอยู่แล้ว  ปกติแล้วในการลงทุน ต้นทุนหลักคงเป็นเครื่องจักร และบุคลากร ที่ดินคงมีสัดส่วนเพียง 10-15% ของการลงทุนแบบนี้
 3. แม้การลงทุนของไทยเอง เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว เช่าที่การรถไฟฯ 30 ปีก็กำไรมหาศาลแล้ว
 ข้ออ้างของ ดร.สมคิดจึงเป็นเท็จโดยสิ้นเชิง  การให้เช่าถึง 50 ปี หรือ 99 ปี จึงเป็นการ "ปล้นชาติ" เช่นเดียวกับระยะเวลาการเช่าเกาะฮ่องกงนั่นเอง
ความเท็จข้อที่ 2: อ้างระเบียบต่างชาติ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "ให้เอกชนเข้ามาทำประโยชน์เป็นระยะเวลา 99 ปี เหมือนกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศเออีซี"
 ดร.โสภณ เห็นว่า นี่เป็นการอ้างเท็จ  แม้แต่ในการเปิดเสรีทางการค้า ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขนี้ไว้ให้ใครมา "ขายชาติ"  ในความเป็นจริง ถ้าจะให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือเช่า 99 ปีนั้น จะต้องมีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยในประเทศตะวันตกเก็บภาษีนี้ราว 1-3% ของมูลค่า  แต่ในไทยผู้มีอำนาจไม่ต้องการเสียภาษีนี้ จึงไม่มีการเก็บ  หากให้ต่างชาติมาซื้อหรือเช่าระยะยาว ก็เท่ากับพวกนายทุนใหญ่และข้าราชการใหญ่ "ขายชาติ" เพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเองโปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://goo.gl/lDDeZD (Download ฟรี)
ความเท็จข้อที่ 3: อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ
 ดร.สมคิด อ้างว่า "สั่งการให้กรมธนารักษ์หารือกับหน่วยงานดังกล่าว และสรุปการเช่าที่ 99 ปี ให้ได้ภายในเดือนนี้ เพื่อส่งให้ ครม. เห็นชอบและดำเนินการแก้ไขกฎหมาย จะได้ดำเนินโครงการลงทุนต่างๆ ขนาดใหญ่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะปานกลางและระยะยาว"
 ดร.โสภณ ให้ข้อมูลที่แท้จริงว่า ในยามวิกฤติเศรษฐกิจ รัฐบาลสมัยนั้นก็มีมาตรการให้ต่างชาติซื้อห้องชุด 100% ในช่วงปี 2542-5 แต่ปรากฏว่ามีต่างชาติมาซื้อห้องชุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพียง 5,465 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2% ของอาคารชุดทั้งหมด  จนสุดท้ายเมื่อปี 2547 จึงยกเลิกมาตรการนี้ (http://goo.gl/SQ960j)  แต่ในปัจจุบัน สิงคโปร์เก็บค่าธรรมเนียม 15% ในกรณีที่ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ คล้ายกรณีคนไทยส่งลูกไปเรียนในประเทศตะวันตก ก็ต้องเสียค่าเล่าเรียนแพงกว่าคนท้องถิ่น เป็นต้น
 ที่สำคัญ การลงทุนของต่างชาติหรือไม่ขึ้นอยู่กับบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่  ดูเมียนมาเป็นตัวอย่าง เมื่อเปิดประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น การลงทุนก็หลั่งไหลมาเอง  ในขณะนี้เศรษฐกิจไทยเสื่อมทรุดลงทุกวัน  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาก็ตกต่ำลงเป็นอย่างมาก 
 โดยสรุปแล้ว การให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปีจึงเป็นแนวคิดที่ไม่อาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง และจะเป็นภัยร้ายต่อประเทศชาติในอนาคต ให้ต่างชาติได้ครอบครองที่ดินชั่วกัลปาวสานในราคาซื้อขายเท่ากับคนไทยและไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อนำเงินมาพัฒนาท้องถิ่นเช่นในนานาอารยประเทศ  แนวทางที่ดีที่สุดในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือสร้างบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยแบบอารยะ  และการส่งเสริมการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศโดยไม่ต้องยกที่ดินให้ต่างชาติเลย
===================
ผมมาแจกหนังสือฟรีครับ
"วิชาชีพ ประเมินค่าทรัพย์สิน" 150 หน้า
ผมเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อชี้ให้เห็นว่าวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สิน มีคุณูปการต่อสังคมอย่างไร ไม่เฉพาะนักวิชาชีพที่พึงรู้ แม้แต่ผู้บริโภค ก็พึงรู้เช่นกันครับ ขอเชิญ download ได้ที่นี่ครับ: http://bit.ly/1VUpDjn

No comments:

Post a Comment