ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Friday, June 17, 2016

ขอให้ระงับการสร้างมัสยิดในพื้นที่ของท่านไว้ก่อน (ร่างจดหมาย)

ที่..........                                                                                         นายอำเภอ
                                                                                                                                      ที่ยื่นจดหมาย................
วันที่                               2559

เรื่อง  ขอให้ระงับการสร้างมัสยิดในพื้นที่ของท่านไว้ก่อน
เรียน .......................................

สิ่งที่ส่งมาด้วย แผนนโยบายยึดครองประเทศไทยใน 10 ปี จำนวน 1 ฉบับ

 ตามที่สถานการณ์โลกในปัจจุบันได้เกิดปัญหากลุ่มก่อการร้ายขึ้นในแถบตะวันออกกลางในหลายประเทศ จนทำให้ประชาชนในประเทศนั้น ๆ ได้หลั่งไหลออกนอกประเทศ  กลายเป็นผู้อพยพจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ  และเป็นปัญหาไปทั่วโลก  มูลเหตุของปัญหาเหล่านี้เกิดมาจากกลุ่มคนที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดตามคัมภีร์อัลกุรอ่าน  และต้องการทำให้ประเทศนั้นๆ เป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์  จึงมีการสังหารคนที่ไม่นับถือศาสนาอิสลามและทั้งคนมุสลิมที่คิดว่า  ไม่เคร่งครัดต่อศาสนา
 ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศตะวันออกกลางเท่านั้น  แต่มีเกิดในทุกประเทศที่มีคนมุสลิมอยู่  เช่น ในภาคใต้ของไทยเรา  อินโดนิเซีย  มาเลเซีย  พม่า  ศรีลังกา  อินเดีย  ปากีสถาน  อาฟกานิสถาน  อีหร่าน  อีรัก  ซีเรีย  ตลอดถึงยุโรป เช่น  เดนมารก  ฝรั่งเศส  เป็นต้น
 เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า  ในคำสอนของศาสนาอิสลามนั้น สอนว่า  คนที่ไม่ภักดีต่ออัลเลาะห์คือ ผู้เนรคุณต่อพระเจ้า  จะต้องกำจัดให้หมด  การสร้างมัสยิดถือเป็นเครื่องมืออันหนึ่งที่คนมุสลิมนำมาใช้เป็นข้ออ้างว่า  ที่นี่คือแผ่นดินของพระเจ้า  และห้ามคนที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไป  จึงเป็นที่ซ่องสุมของอาวุธนานาภัณฑ์ในการนำไปก่อเหตุยังพื้นที่ต่างๆ ได้  ตามที่รู้กันอยู่โดยทั่วไปแล้ว ณ เวลานี้  เมื่อมัสยิดถูกสร้างแล้ว  ก็จะกลายเป็นพื้นที่อันตรายอันยากจะแก้ไขได้
 ต่อไปนี้คือ คำสอนบางส่วนจากคัมภีร์อัลกุรอ่าน  ซึ่งคนมุสลิมท่องบ่นอยู่ทุกวันๆละ 5 ครั้งจึงทำให้ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกตามที่แสดงมาแล้วนั้น เช่น
  "พวกเจ้าจงทำการรบเถิดกับบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธากับอัลเลาะห์  และไม่ศรัทธากับวันสุดท้าย และเขามิได้ยึดเอาสิ่งที่อัลเลาะห์ และศาสนฑูตของพระองค์บัญญัติห้ามมาเป็นข้อห้าม และพวกเขามิได้นับถือศาสนาที่เที่ยงแท้" (ซูเราะห์ที่ 9:29 อัตเตาบะห์)
 "พวกเจ้าจงฟาดฟันลงไปบนต้นคอทั้งหลายของข้าศึกเถิด  และจงฟาดฟันทุกปลายนิ้วมือของพวกมัน  นั่นเป็นคำบัญชาจากพระอัลเลาะห์  เพราะเหตุพวกเขาได้ต่อต้านอัลเลาะห์และ ศาสนฑูตของพระองค์ และผู้ใดต่อต้านอัลเลาะห์และศาสนทูตของพระองค์  แน่นอนอัลล์ทรงลงโทษรุนแรงยิ่งนัก" (ซูเราะห์ที่ 8 :12-13 อัลอัมพาล)
 

"และเจ้าอย่าคิดว่า บรรดาผู้ถูกฆ่าตายในทางของอัลเลาะห์นั้นเป็นผู้เสียชีวิต  ความจริงพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ณ องค์อภิบาลของพวกเขา  โดยพวกเขาได้รับเครื่องยังชีพ(อยู่ตลอดเวลา)"  (ซูเราะห์ที่ 3 : 169 อาลิอิมรอน)
 "การรบนั้นหาได้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าแต่ประการใดไม่  หากแต่เป็นหน้าที่ของอัลเลาะห์ที่จะจัดให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์  ไม่ว่าพระองค์จะทรงรับคำสารภาพผิดแก่พวกนั้น  หรือจะทรงลงโทษพวกเขาก็ตาม  เป็นสิทธิของอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว  เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพวกฉ้อฉล" (ซูเราะห์ที่ 3:128 อาลิอิมรอน)
 "ที่จริงแล้ว  พวกเจ้าหาได้ฆ่าฝ่ายข้าศึกนั้นไม่  แต่ทว่าอัลเลาะห์ทรงฆ่าพวกเขาเอง  และเจ้าไม่ได้ขว้าง(ทรายออกเพื่อใส่หน้าศัตรู)  เมื่อขณะที่เจ้าขว้างนั้น  แต่อัลเลาะห์ต่างหากที่ทำการขว้าง  และเพื่อพระองค์ทรงทดสอบบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย  อันเป็นข้อทดที่งดงาม..."(ซูเราะห์ที่ 8:17อัลอัมฟาล)
"พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับทรัพย์เชลยศึก  จงประกาศเถิดว่า "อันทรัพย์เชลยศึกนั้น เป็นสิทธิของอัลเลาะห์และของศาสนทูต(โมหะหมัด) ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงยำเกรงอัลเลาะห์...ดังนั้น พวกเจ้าจงบริโภคเถิด บางอย่างที่เจ้าริบมาได้ซึ่งเป็นสิ่งอนุมัติ(แล้วจากอัลเลาะห์) ทั้งเป็นสิ่งที่ดี  และจงยำเกรงอัลเลาะห์  แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้อภัย  อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง" (ซูเราะห์ที่8:69  อัลอัมฟาล)
คำสอนเหล่านี้  ทำให้คนมุสลิมเช่นพวกไอสิส หรือภาคใต้ของไทย  กล้าฆ่าคนอื่นได้อย่างหน้าชื่นตาบาน  โดยคิดว่าเขาทำถูกแล้วตามบัญชาของพระเจ้า  ถ้าท่านซึ่งเป็นหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุมัติให้มีการสร้างมัสยิดได้ในพื้นที่  เท่ากับว่ากำลังทำให้พื้นที่ๆ ที่มีความสงบอยู่แล้ว  จะกลายเป็นพื้นที่สีแดงที่จะเกิดความไม่สงบขึ้น ณ พื้นที่แห่งนี้
นอกจากนี้  คำสอนเหล่านี้ยังจัดว่าเพื่อเตรียมการก่อเหตุผิดกฎหมายอาญาของไทยหลายมาตรา เข้าข่ายความผิดต่อความมั่นคงของรัฐตามมาตรา 119 ,120, 121,และ 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต และเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจร  ตามมาตรา 211,212,213,214 และ 215   และเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน ตามมาตรา217, 218,219, 220,221,222,223,224,225และ 226 อีกด้วย
จึงขอเรียนมายังท่านได้โปรดพิจารณาระงับการสร้างมัสยิดที่กำลังสร้างอยู่  และมีนโยบายจะสร้างต่อไปในอนาคต  เพื่อตัดปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ พื้นที่แห่งนี้  และเพื่อความสงบสุขของชุมชนตลอดไป  และหวังว่าคงได้รับการพิจารณาระงับตามที่ร้องเรียน
 
                                                                            ขอแสดงความนับถือ


 (นายสมพร ริมสกุล)
นายกสมาคมรักษ์พระพุทธศาสนา

No comments:

Post a Comment