ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Tuesday, January 19, 2016

ไฟแดง ปรองดอง

ไฟแดง  ปรองดอง





คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

พลุปรองดองทำท่าจะสวยงามตามท้องเรื่อง เมื่อมีการหยิบเรื่องเก่าขึ้นมารีวิวใหม่ โดยครั้งนี้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น "สร้างสันติสุข" ซึ่งเสนอโดย พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ขันอาสาเป็นหัวหอกผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข มีเป้าหมายคือจับคู่ขัดแย้งทุกสีเสื้อมาเคลียร์ใจให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

หลังจุดพลุขึ้นฟ้า มีการรับลูกกันเป็นทอดๆ ตั้งแต่มือกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เดินเครื่องชงเรื่องให้มีการตั้งทีมศึกษาการสร้างความปรองดองให้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งไม้ต่อให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย นายวิษณุ เครืองาม รับไปศึกษา

ขณะที่ประธาน สนช. อย่าง นายพรเพชร วิชิตชลชัย เตรียมพร้อมตั้ง กมธ. เสริมสร้างสังคมสันติสุข แต่แล้วก็ต้องสะดุดลงตั้งแต่ยังไม่ทันตั้งไข่ เพราะท้ายสุดเรื่องตั้ง กมธ. ศึกษาการเสริมสร้างสังคมสันติสุขก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจาก "บิ๊กตู่" ผู้มีอำนาจสูงสุด ส่งสัญญาณเบรกว่ายังไม่ถึงเวลา

งานนี้ทำเอาโปรเจกต์ใหญ่เข้าอีหรอบเดิม คือพับแผนปรองดองเก็บเข้าลิ้นชักอีกรอบ

ขณะที่ขั้วการเมือง คู่ขัดแย้ง ต่างฟันธงกันล่วงหน้าไปแล้วว่าปรองดองไปไม่รอด เพราะเป็นแค่โรงงิ้ว โรงลิเก เป็นเกมปาหี่ซื้อเวลาก็เท่านั้นเอง

ไม่ว่าจะเป็น นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ออกมาเตือนแกนนำเสื้อแดง อย่าอ้างเป็นตัวแทน นปช. ร่วมนั่ง กมธ. สันติสุข และระวังน่าอาย หน้าแตก เพราะไม่มีผลใดๆในทางปฏิบัติ พร้อมกับประกาศจุดยืนไม่รับตำแหน่ง ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกตำแหน่ง

ฝากพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคยืนยันว่า พรรคจะไม่ส่งคนเข้าร่วม ถ้าใครได้รับการติดต่อคงต้องไปในนามส่วนตัว แต่เชื่อว่าไม่มีใครไปร่วม ด้วยเหตุผล กมธ. วิสามัญชุดดังกล่าว อาจพูดคุยเรื่องนิรโทษกรรมที่พรรคคัดค้านมาแต่ต้น

ไม่ต่างจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ตอกย้ำความล้มเหลวของรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะ "บิ๊กตู่" ไว้ว่า ช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง กระบวนการปรองดองยังไม่เริ่มต้นขึ้น ไม่มีการรวบรวมองค์ความรู้ ประสบการณ์ ความคิดเห็นการปรองดอง ที่มีการศึกษามาในอดีต แสดงให้เห็นว่า คสช. และรัฐบาล ไม่ได้ใส่ใจอยากปรองดองอย่างที่กล่าวอ้างเป็นสาเหตุเข้าสู่อำนาจ แถมนายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจกระบวนการปรองดองและไม่พยายามรับฟังความเห็นฝ่ายต่างๆอีกด้วย

เมื่อจับสัญญาณที่ถูกส่งออกมาจากทุกฝ่าย ทำให้เห็นชัดว่า ยังไม่ถึงเวลาของการสร้างความปรองดอง ที่เป็นอย่างนี้เพราะแต่ละฝ่ายตีความหมายของคำว่า "ปรองดอง" แตกต่างกัน เมื่อตีความแตกต่างกัน ทิศทางและเป้าหมายของสร้างความปรองดองจึงต่างกัน

การสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น ชาติจึงยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์

     อาสาหาข่าว
      19/1/59

No comments:

Post a Comment