ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Wednesday, August 15, 2012

เมื่อกษัตริย์ภูมิพลบอกให้วิจารณ์ได้... ข้าพเจ้าจึงขอใช้สิทธิ์

 


"บางโอกาสก็ขอให้ละเมิด จะได้รู้ว่าใครดี ใครไม่ดี" 


พระราชดำรัส ณ เวลานั้น คือ ปี 2548 ทรงพระบารมียิ่งใหญ่ ทักษิณจัดงานให้  จนเหมือน the King of kings ก็ไม่ปาน     แสดงให้เห็นว่า ทรงมั่นใจมาก มั่นใจขนาดท้าประชาชนวิจารณ์ได้ สั่งสอนนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือก (ซึ่งกษัตริย์นั้น ประชาชนไม่เคยและไม่มีโอกาสหรือสิทธิเลือกเลย)  นายกคนนั้น เคยเอาคนเข้าคุกเพราะละเมิดในหลวง แต่ในที่สุดกลับถูกประจานในที่ประชุมใหญ่  หาว่าว่าเสือกทำเกินงาม ทำให้กษัตริย์เดือดร้อน  ตอนจบยังเหน็บอีกว่า "เพราะนายกทำอะไรไม่ผิด" คือแปลว่า มันทำตัวยิ่งใหญ่เหมือนกู ที่ทำอะไรก็ได้ (ตีตัวเสมอกู) นี่คือการตีความของผม อุตส่าห์ทำดีแค่ไหน ทักษิณก็เหมือนลูกที่พ่อแม่ไม่รัก คือ แทนที่จะยกย่องและมอบรักให้ แต่เขาทำแม้กระทั่งด่าต่อหน้าธารกำนันเลยทีเดียว แถมยัดภาพทำเกินงามเพราะคิดว่าตัวเองทำอะไรก็ได้ จนทำให้กษัตริย์เดือดร้อน นี่แหละคือสิ่งที่ผมเห็น และก็ยังแอบคิดว่า ทักษิณเกิดมามีกรรมอะไร ทำไมจึงจงรักภักดีอย่างที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่หลักฐานมันชัดมานานแล้ว ว่าดร. ทักษิณไม่ใช่ลูกรัก แม้ว่าจะเป็นนายกที่คนรักค่อนบ้านค่อนเมือง

ณ​ เวลานี้ พระองค์ทรงอ่อนแอทั้งทางกายและพระบารมี จึงได้มีการบังคับใช้มาตรา 112 ถึงขนาดเอาคนแก่เข้าคุกแล้วตายคาคุก แล้วพระองค์ไม่เคยยื่นพระหัตถ์ไปช่วยอากงเลย ลืมพระราชดำรัสแล้วหรือ เพค๊ะ.....

หากพระองค์ยังทรงแน่พระทัยและไม่ตระบัตพระราชดำรัส พระองค์น่าจะปล่อยนักโทษการเมือง 112 แล้วประกาศให้ยกเลิกมาตรา 112 เสีย ประชาชีและพระเณร จะได้ทราบว่า พระองค์ตรัสแล้วเป็นวาจากษัตริย์ ตรัสแล้วไม่คืนคำ พ่ะย่ะครับ


ขอใ้ชสิทธิ .. ก่อนเธอไป ชั้นขอใช้สิทธิ






 
 
 
 
/>












No comments:

Post a Comment