ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Tuesday, February 21, 2012

สั้น ๆ ตรง ๆ กับเรื่อง แดงโบนันซ่า


สั้น ๆ ตรง ๆ กับเรื่อง แดงโบนันซ่า
เพียงดิน รักไทย

ผมเขียนบทความสั้น ๆ นี้ บนหลักยืนที่ว่า ผมถือว่านักสู้ของแดงทุกแนว มีค่า และควรรักษากันไว้เป็นแนวร่วมเสมอ แม้ว่าจะมีเป้าหมายสูงสุดต่างกัน และแนวทางต่างกันมากน้อยเพียงใด  แต่ตราบใดที่บุคคลหรือกลุ่มใด ๆ มีประโยชน์หรือมุ่งหวังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะจริงมากน้อยเพียงใดก็ตาม ผมก็ถือว่าเราไม่ควรทำลาย  และควรรักษา ประสานความร่วมมือ และรักษาน้ำใจกันเอาไว้

แต่ในกรณีของการเร่งเร้าพามวลชนขึ้นเขาของพรรคเพื่อไทย จะด้วยเหตุผลลึก ๆ ใดบ้างก็ตาม  ผมว่าเรื่องจำนวนคนเสื้อแดงที่จะขึ้นเขา  ไม่ใช่เรื่องสาระที่สำคัญอะไรมากมายเลย   ผมจะไม่รู้สึกตระหนกใด ๆ เลย หากพี่น้องเสื้อแดงจะเลิกสนับสนุนแนวทางแดงโบนันซ่าไปบ้าง หรือเป็นส่วนใหญ่
แล้วทำให้คนไปร่วมงานน้อยลง... เพราะผมไม่เชื่อว่า นี่คือภาพสะท้อนว่าเสื้อแดงแตกแยก แดงกำลังแย่ แล้วจะทำให้อีกฝ่ายกล้ารัฐประหารหรือไม่หยุดที่จะพยายามใช้ตุลาการวิบัติอีกครั้ง

ในมุมมองตรงกันข้าม ผมกลับเห็นว่า การที่มวลชนจำนวนมากขึ้นเลิกตอแหล เลิกเล่นกับประเด็นน้ำเน่า ด้วยการไม่ยอมเสียเวลา เสียพลังงาน เสียเงินทอง และเสียอารมณ์ไปกับเรื่องที่ไม่ทำให้เรารุกคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็นนั้น จะทำให้ฝ่ายอำมาตย์ต้องหนาวกว่าเดิม หวาดหวั่นกลัวเดิม ทั้งนี้เพราะมวลชนที่ไม่เอาด้วยกับละครที่เหี้ยและขุนพลเปรตกำกับเหล่านี้ พัฒนาการเป็นมวลชนปฎิวัติ ที่ ดร. ทักษิณและกลไกของคุณทักษิณกำกับไม่ได้อีกต่อไป  และมวลชนเหล่านี้แหละ  ที่จะยืนตระหง่านเป็นก้างตัวสำคัญในงานสำคัญ ศึกใหญ่ข้างหน้า  ไม่ว่าจะเป็นการลุกฮือเรียกร้อง ขับไล่ เคลื่อนพลรุกคืบทางการเมืองและทุกทาง และเป็นผู้กำหนดชะตาของประเทศในวันที่มีการลงประชามติทุกครั้ง รวมถึงครั้งสำคัญในการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ประเทศไทย ที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็วปีนี้   พวกมวลชนที่รู้ทันเกมการเมืองเหล่านี้แหละ จะเป็นกำลังสำคัญของฝ่ายประชาชน ยืนรออย่างฉลาด แต่ทำงานสานผลเชิงสร้างความเข้มแข็งให้ทัพประชาชน เพื่อรอวันเพื่อไทยและแกนนำ นปช. ได้สำนึก หรือได้บทเรียน แล้วกลับมาซบตักประชาชน ร่วมสู้อย่างตรงประเด็น เอาประชาชนเป็นภาคีที่เท่าเทียม (ไม่ใช่เครื่องมือ ที่พวกเขาสามารถซื้อใจหรือเอามาเป็นฐานอำนาจ ด้วยเงินภาษีของประชาชนเองหรือเงินกู้ออกมาแจกหรือทำโครงการ ที่เป็นภาระหนี้สินของประชาชนอยู่ดี) แล้วรับใช้ประชาชน อย่างแท้จริง ด้วยความเคารพในวุฒิภาวะและคุณค่าของมวลชน ตรงประเด็น ไม่ตอแหล ไม่บิดเบือน ไม่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียวแบบไร้ยางอาย ฯลฯ

และหากจะมีการอ้างว่า คนไปโบนันซ๋าน้อย แล้วจะทำให้ทหารกล้ารัฐประหาร หรือฝ่ายเหี้ยจะสะดวกใจที่จะใช้ศาลเหี้ยทำลายแดงรัฐสภาที่ยอมเป็นฝุ่นใต้ตีน ใต้ระบอบที่สวยเริดหรู (มีสร้อย) นั้น ผมว่าเป็นเรื่องตลก  พวกเผด็จการเหี้ยโบราณ มันจะทำการรัฐประหารหรือใช้ศาลเหี้ย ก็ต่อเมื่อพวกมันจนตรอกแล้วเท่านั้น ไม่ใช่เพราะเหตุที่คิดเอาแบบตื้น ๆ ว่าแดงแตกแยก แดงอ่อน แล้วเขาจึงรุก  เพราะเขารุกแน่ หากประเด็นเดือดมันถึงเวลาที่เลี่ยงไม่ได้  หรือง่าย ๆ ก็คือ เมื่อการเผชิญหน้าเกิดขึ้น ยังไงเขาก็ไม่เลิกความตั้งใจที่จะออกอาวุธเพื่อทำลายล้างขบวนประชาชน (ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเพื่อไทยเดินด้วยก็ตาม)

และเรื่องตลกก็คือ การอ้างว่าการเอาคนไปรวมกันบนเขาแล้วจะทำให้เหี้ยไม่คิดรัฐประหารหรือใช้ศาลนั้น มันเป็นความคิดที่โง่บัดซบสิ้นดี จะว่าตอแหลหลอกใช้ก็ไม่ผิด    ก็ขนาดเรามีนักากรเมืองเป็นตัวแทนอย่างคับคั่งมีคะแนนเสียงค่อนสภา มันก็ยึดอำนาจมาแล้ว  ไปชุมนุมกันเยอะ ๆ ก็ขนาดเคยทำในเมืองหลวง ยิ่งใหญ่มหาศาล แล้วเขายอมอะไรบ้าง เขาไม่ได้ใช้กำลังทหารทำรัฐประหาร แต่เขายึดอำนาจต่อ ด้วยศาล สื่อ ระบบอำมาตย์ และตอนนี้ รัฐบาลน้องปู ก็ถูกเขายึดอำนาจสำคัญไปแล้ว  ... เขารัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 และยังยึดอำนาจแทบทั้งสิ้นไว้แล้ว  เราจะกลัวอะไรอีก???

เขาจะเลิกคิดทำรัฐประหารจริงหรือ หากเราไปโบนันซ่ากันซักห้าล้าน   เขาจะไม่คิดใช้ตุลาการเหี้ยจริงหรือ หากเราไปบนเขาซักสิบล้าน?  คำตอบคือ มันไม่เกี่ยวกัน พวกเหี้ยมันจะใช้อำนาจชั่วของพวกมันแน่นอน เมื่อจำเป็น และเมื่อมันจะเสียท่า หรือกำลังถูกรุกอย่างหนักจนยอมไม่ได้ต่างหาก

อันที่จริง หากพวกมันทำรัฐประหาร หรือแม้แต่ใช้ตุลาการวิบัติยุบพรรคเพื่อไทยหรือล้มรัฐบาลคุณปู  ประชาชนก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน เพราะนั่นมันเป็นผลดีในเชิงปฎิวัติต่างหาก  หากมันทำกันตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นเผด็จการไปมากกว่าที่เป็นอย่างที่บอก แต่มันจะทำให้โลกรู้ว่าไอ้ที่ไปยืนตอแหลอยู่คู่ไอเดิลทางประชาธิปไตยของโลก อย่างนางออง ซาน ซูจีนั้น มันเป็นใคร ไอ้ที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านและที่ออกมายืนหัวให้ประชาชนบั่น (ภาษาเปรียบเปรย) นั้น มีใครบ้าง  และขอให้ทราบไว้ว่า หากเขาต้องใช้ตุลาการวิบัติวันใด ก็เป็นการนับถอยหลังบนระเบิดเวลาที่ทำลายเหี้ยทั้งฝุงเมื่อนั้น และหากเขาใช้การรัฐประหารวันใด นั่นแปลว่า ระเบิดเวลาที่หยุดไม่ได้ ได้ถูกจุดขึ้นด้วยมือพวกเขาเอง

หากจะกล่าวแบบเปรียบเทียบถึงปัญหาการเมืองไทย  ตอนนี้มันเลวร้าย เป็นโรคเรื้อรัง และมีแต่ลามทำให้เกิดอาการต่าง ๆ มากมาย จนเราจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว  แต่ที่จะมัวกังวลอยู่กับแค่อาการไข้แล้วคอยแต่หายามากินคุม กินยาแก้ปวดล่วงหน้า แล้วไม่ทำอะไรมากกว่านี้ ไม่ได้อีกแล้ว   แต่ถามว่าควรต้องกินยาไหม? ก็กินกันไปครับ แต่ให้รู้นะครับ ว่ารักษาโรคมะเร็งไม่ได้ รักษาฝีดาษไม่ได้ รักษาโรคหัวใจไม่ได้ ฯลฯ  และเราเป็นหลายโรคเสียด้วย!!!

นั่นก็คือ การไปโบนันซ่า ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่มวลชนต้องคิดว่า ท่านจะต้องเสียเงิน เสียเวลา และอาจจะมีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุอีก (สาธุ ขออย่าให้มันเกิดขึ้นเลย)   แล้วต้องถามว่า ได้อะไรเพิ่มขึ้น และจะทำอย่างไรให้ได้อะไรเพิ่มขึ้น   หากไปแล้ว ทำให้แกนนำได้เรียนรู้ แกนนำฟังเสียงประชาชนที่ตามสนับสนุนพวกเขา แล้วช่วยกันทำกิจกรรมเชิงรุกให้เราได้ผลคืบหน้าไม่ใช่แค่การแสดงวาทกรรมบนเวที แต่มีแผนสานต่ออย่างเป็นรูปธรรม มันก็ไม่ได้เสียหาย

แต่หากวันที่ยี่สิบห้านี้ มีคนไปโบนันซ่าแค่ซักหมื่นคน จากที่คาดหวังไว้ห้าแสน ผมจะนั่งยิ้ม หัวเราะ และยินดีที่ ประชาชน เติบโตขึ้น และฉลาดมากกว่าปี 2553 แล้ว  และผมจะไม่กลัวเลยว่า เหี้ยจะสั่งรัฐประหารอีกครั้ง หรือสั่งศาลเหี้ยออกมาทำงานริดรอนอำนาจบริหารที่รับใช้เหี้ยและให้ประโยชน์นักการเมืองและกลุ่มอภิสิทธิชนมากกว่าประชาชนที่ผมรัก และเชื่อมั่น  

ทำเถิดครับ จะทำอะไรก็ทำ แต่ขอให้รู้ว่า ท่านทำอะไรอยู่ เพื่ออะไร และจะได้ผลแค่ไหน


2 comments:

  1. รัฐบาลนี้เชื่อนักวิชาการมากกว่าเชื่อภูมิปัญญาชาวบ้าน นี่คือจุดอ่อนที่ทำให้มวลชนถอยห่าง แม้นายกฯ จะน่าชื่นชมในแง่บุคลิก ความเข้มแข็ง แต่ถ้าไม่เชื่อมั่นภูมิปัญญาคนธรรมดาสามัญ เชื่อเฉพาะนักวิชาการ ดร.แวดล้อม เดี๋ยวก็เสื่อม

    ReplyDelete
  2. อือม์ น่าคิดจริง ๆ ครับ

    หรือนักการเมือง เขาคิดว่า ประชาชนนั้น สำคัญน้อยกว่าผู้กุมอำนาจขณะนี้...???

    ReplyDelete