ความจริง คือ แสงสว่างสู่ทางออกของปัญหา

Friday, June 19, 2015

PIANGDIN ACADEMY: ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ ๑ (24 มิถุนายน 2475...








ประกาศคณะราษฎร  ฉบับที่  ๑





ราษฎรทั้งหลาย





                เมื่อกษัตริย์องค์นี้ได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระเชษฐานั้น  ในชั้นต้นราษฎรบางคนได้หวังกันว่ากษัตริย์องค์ใหม่นี้จะปกครองราษฎรให้ร่มเย็น  แต่การณ์ก็หาได้เป็นไปตามที่คิดหวังกันไม่  กษัตริย์คงทรงอำนาจอยู่เหนือกฎหมายเดิม  ทรงแต่งตั้งญาติวงศ์และคนสอพลอไร้คุณความรู้ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ  ไม่ทรงฟังเสียงราษฎร  ปล่อยให้ข้าราชการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต  มีการรับสินบนในการก่อสร้างและการซื้อของใช้ในราชการ  หากำไรในการเปลี่ยนเงิน  ผลาญเงินของประเทศ  ยกพวกเจ้าขึ้นให้สิทธิพิเศษมากกว่าราษฎร  กดขี่ข่มเหงราษฎร  ปกครองโดยขาดหลักวิชา  ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามยถากรรม  ดังที่จะเห็นได้จากความตกต่ำในทางเศรษฐกิจและความฝืดเคืองในการทำมาหากินซึ่งพวกราษฎรได้รู้กันอยู่โดยทั่วไปแล้ว  รัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิสามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้



การที่แก้ไขไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลของกษัตริย์มิได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎรตามที่รัฐบาลอื่นๆ  ได้กระทำกัน  รัฐบาลของกษัตริย์ได้ถือเอาราษฎรเป็นทาส  (ซึ่งเรียกว่าไพร่บ้าง  ข้าบ้าง)  เป็นสัตว์เดียรัจฉาน  ไม่นึกว่าเป็นมนุษย์  เหตุฉะนั้น  แทนที่จะช่วยราษฎร  กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร  จะเห็นได้ว่า  ภาษีอากรที่บีบคั้นเอาจากราษฎรนั้น  กษัตริย์ได้หักเอาไว้ใช้ปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายล้าน  ส่วนราษฎรสิ  กว่าจะหาได้แม้แต่เล็กน้อย  เลือดตาแทบกระเด็น  ถึงคราวเสียเงินราชการหรือภาษีใดๆ  ถ้าไม่มีเงินรัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา  แต่พวกเจ้ากลับนอนกินกันเป็นสุข  ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้  นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน  ซึ่งชนชาตินั้นก็ได้โค่นราชบัลลังก์ลงเสียแล้ว



                รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวงไม่ซื่อตรงต่อราษฎร  มีเป็นต้นว่าหลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้  แต่ครั้นคอยๆ  ก็เหลวไป  หาได้ทำจริงจังไม่  มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กิน  ว่าราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้  เพราะราษฎรโง่  คำพูดของรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้  ถ้าราษฎรโง่  เจ้าก็โง่เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน  ที่ราษฎรรู้ไม่ถึงเจ้านั้นเป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่  เพราะเกรงว่าเมื่อราษฎรได้มีการศึกษา  ก็จะรู้ความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำไว้  และคงจะไม่ยอมให้เจ้าทำนาบนหลังคนอีกต่อไป



                ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า  ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร  ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง  บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศเป็นอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก  พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบและกวาดทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน  เงินเหล่านี้เอามาจากไหน?  ก็เอามาจากราษฎรเพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง  บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง  ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา  เพราะทำนาไม่ได้ผล  รัฐบาลไม่บำรุง  รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด  นักเรียนที่เรียนสำเร็จแล้วและทหารที่ปลดกองหนุนแล้วก็ไม่มีงานทำ  จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม  เหล่านี้เป็นผลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย  บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย  นายสิบ  และเสมียน  เมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ  ความจริงควรเอาเงินที่พวกเจ้ากวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมืองให้คนมีงานทำ  จึงจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน  แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่  คงสูบเลือดกันเรื่อยไป  เงินเหลือเท่าไหร่ก็เอาไปฝากต่างประเทศ  คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม  ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก  การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย



                เหตุฉะนั้น  ราษฎร  ข้าราชการ  ทหาร  และพลเรือน  ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว  จึงรวมกำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้น  และได้ยึดอำนาจของกษัตริย์ไว้ได้แล้ว  คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ก็โดยที่จะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา  จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลายๆ  ความคิดดีกว่าความคิดเดียว  ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น  คณะราษฎรไม่ประสงค์ทำการแย่งชิงราชสมบัติ  ฉะนั้น  จึงได้อัญเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป  แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน  จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้  นอกจากด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร  คณะราษฎรได้แจ้งความประสงค์นี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว  เวลานี้ยังอยู่ในความรับตอบ  ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดโดยเห็นแก่ส่วนตนว่าจะถูกลดอำนาจลงมาก็จะชื่อว่าทรยศต่อชาติ  และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปไตย  กล่าวคือ  ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้น  อยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา  ตามวิธีนี้ราษฎรพึงหวังเถิดว่าราษฎรจะได้รับความบำรุงอย่างดีที่สุด  ทุกๆ  คนจะมีงานทำ  เพราะประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมอยู่แล้วตามสภาพ  เมื่อเราได้ยึดเงินที่พวกเจ้ารวบรวมไว้จากการทำนาบนหลังคนตั้งหลายร้อยล้านมาบำรุงประเทศขึ้นแล้ว  ประเทศจะต้องเฟื่องฟูขึ้นเป็นแม่นมั่น  การปกครองซึ่งคณะราษฎรจะพึงกระทำก็คือ  จำต้องวางโครงการอาศัยหลักวิชา  ไม่ทำไปเหมือนคนตาบอด  เช่นรัฐบาลที่มีกษัตริย์เหนือกฎหมายทำมาแล้ว  เป็นหลักใหญ่ๆ  ที่คณะราษฎรวางไว้  มีอยู่ว่า



๑.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย  เช่นเอกราชในทางการเมือง  ในทางศาล  ในทางเศรษฐกิจ  ฯลฯ  ของประเทศไว้ให้มั่นคง



๒.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ  ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก



๓.ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ  โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ  จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ   ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก



๔.จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน  (ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่ในเวลานี้)



๕.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ  มีความเป็นอิสระ  เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก  ๔  ประการดังกล่าวข้างต้น



๖.จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร



ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ให้สำเร็จ  คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือกฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบและตั้งหน้าทำมาหากิน  อย่าทำการใดๆ  อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร  การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้  เท่ากับราษฎรช่วยประเทศและช่วยตัวราษฎร  บุตร  หลาน  เหลน  ของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์  ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย  ทุกคนจะต้องมีงานทำไม่ต้องอดตาย  ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน  และมีเสรีภาพพ้นจากการเป็นไพร่  เป็นข้า  เป็นทาสพวกเจ้า  หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร  สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ  ความสุขความเจริญอย่างประเสริฐซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า  “ศรีอาริยะ”  นั้น  ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า





คณะราษฎร

๒๔  มิถุนายน  ๒๔๗๕









No comments:

Post a Comment